สัญญาณบ่งชี้ว่าควรเปลี่ยนอุปกรณ์ป้องกันเท้า
บทความนี้สรุปสัญญาณสำคัญที่บอกว่าอุปกรณ์ป้องกันเท้า (safety footwear) ถึงเวลาต้องเปลี่ยน ตั้งแต่การสึกหรอของวัสดุ หัวรองเท้า (toecap) เสียหาย ความสามารถกันลื่น (slip resistant) ลดลง หรือปัญหาด้านความสบายและขนาด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้และผู้จัดการความปลอดภัยตัดสินใจได้ถูกต้องและลดความเสี่ยงในที่ทำงานหรือสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม
การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเท้าที่ยังใช้งานได้ดีเป็นพื้นฐานของความปลอดภัยส่วนบุคคลในงานที่มีความเสี่ยงสูง บทความนี้จะชี้สัญญาณที่ควรสังเกตว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนรองเท้า PPE เพื่อคงคุณสมบัติด้าน protection และลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงาน ปัจจัยต่างๆ เช่น durability, inspection และความสบาย (comfort) ควรได้รับการตรวจสอบเป็นประจำ
เมื่อไหร่ควรตรวจสอบการสึกหรอ (inspection, durability)
ตรวจสอบรองเท้าเป็นกิจวัตรจะช่วยจับสัญญาณการเสื่อมสภาพก่อนเกิดปัญหา วัสดุพื้นรองเท้าแตกหรือหลุดลอก รอยแตกที่หนังหรือผ้าเย็บขาด พื้นรองเท้าที่บางลงหรือมีการบิดงออย่างผิดปกติ เป็นตัวบ่งชี้ว่า durability ของ footwear ลดลง การตรวจสอบ (inspection) ควรรวมถึงการดูลิ้นรองเท้า การเย็บ และกาวที่เชื่อมชิ้นส่วน หากพบความเสียหายเหล่านี้ ควรพิจารณาเปลี่ยนทันทีเพื่อรักษาการป้องกัน
สัญญาณจากหัวรองเท้าและ toecap
หัวรองเท้า (toecap) มีหน้าที่ป้องกันแรงอัดและการกระแทก เมื่อมีการบุบ แตก หรือหลวม หัวรองเท้าอาจไม่สามารถให้การป้องกันที่จำเป็นได้ หากรู้สึกว่าหัวรองเท้าหย่อนหรือเสียงโลหะ/พลาสติกในบริเวณนั้นเปลี่ยนไป ให้หยุดใช้งานและเปลี่ยนรองเท้า ปัจจัยด้าน impact protection จะลดลงเมื่อ toecap เสียหาย และการซ่อมแซมหัวรองเท้ามักไม่ให้ความมั่นใจเท่าการเปลี่ยนใหม่
ปัญหาการลื่นไถลและ slip resistant
พื้นรองเท้าที่เคยกันลื่น (slip resistant) หากพื้นสึกจนดอกยางหายหรือเคลือบสารที่กันลื่นสึกออก ความสามารถกันลื่นจะลดลงอย่างมาก การทดสอบพื้นด้วยการมองหาการลื่นบนพื้นเปียก น้ำมัน หรือของหล่อลื่นเป็นประจำเป็นวิธีง่ายๆ ในการประเมิน หากพบการลื่นบ่อยขึ้นหรือสูญเสียความมั่นคง ควรเปลี่ยน footwear เพื่อป้องกันการลื่นล้มในที่ทำงาน
ปัญหาการไฟฟ้าสถิตและ antistatic
งานบางประเภทต้องการรองเท้า antistatic หรือมีคุณสมบัติป้องกันการสะสมประจุไฟฟ้า หากรองเท้าสึกหรือแผงวัสดุภายในเสื่อมสภาพ คุณสมบัติ antistatic อาจไม่ทำงานตามที่ออกแบบ การทดสอบประจุไฟฟ้าหรือการสังเกตอาการไฟช็อตเล็กน้อยเมาสัมผัสพื้นผิวเป็นสัญญาณว่าควรตรวจสอบและพิจารณาเปลี่ยนรองเท้าโดยเฉพาะในงานอิเล็กทรอนิกส์หรือสถานที่ที่มีอันตรายจากประกายไฟ
ความสบาย ขนาด และ ergonomics (comfort, sizing)
รองเท้า PPE ที่ไม่พอดีหรือสูญเสียรูปทรงจะส่งผลต่อ ergonomics ของการเดินและการยืน การบีบรัดบริเวณนิ้วเท้า ช่องว่างภายในที่กว้างเกินไป หรือรองเท้าที่ยุบตัวจนไม่รองรับเท้าอีกต่อไป จะทำให้เกิดความเมื่อยล้า พฤติกรรมการทำงานเปลี่ยนแปลง และเพิ่มความเสี่ยงการบาดเจ็บเรื้อรัง เช่น อาการปวดส้นเท้า หรือนิ้วเท้าเคลื่อน วัด sizing เป็นประจำและสังเกต comfort เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินควรเปลี่ยนหากความสบายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การป้องกันแรงกระแทกและอายุการใช้งาน (impact protection, ppe)
รองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อ impact protection เช่นมีชั้นรองรับแรงกระแทกในพื้นหรือโฟมรองรับ เมื่อใช้งานไปนานจะสูญเสียคุณสมบัติการดูดซับแรง กระบวนการผลิตและวัสดุมีอายุการใช้งานจำกัด ซึ่งแตกต่างกันตามการใช้งานและสภาพแวดล้อม หากงานของคุณมีการกระแทกบ่อยครั้งหรือสัมผัสสารเคมีที่ทำลายวัสดุ ควรวางแผนการเปลี่ยนตามช่วงเวลาหรือหลังเหตุการณ์ที่อาจทำลายรองเท้า
การบำรุงรักษาและแนวทางปฏิบัติ (maintenance, ppe)
การทำความสะอาดและเก็บรองเท้าอย่างถูกวิธีสามารถยืดอายุการใช้งานได้ แต่การบำรุงรักษาไม่สามารถคืนค่าความสามารถที่สูญเสียไปแล้วได้ ควรจัดตาราง inspection ประจำ สอนพนักงานให้รู้จักสัญญาณเตือน และบันทึกการใช้งานเพื่อประเมินอายุการใช้งานที่แท้จริง การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับสภาพงาน ช่วยลดความถี่ในการเปลี่ยนและรักษาการป้องกันได้ดีขึ้น
การสรุปสัญญาณข้างต้นช่วยให้การตัดสินใจเปลี่ยนอุปกรณ์ป้องกันเท้ามีพื้นฐานจากความปลอดภัยและการใช้งานจริง ผู้ใช้และผู้จัดการความปลอดภัยควรผสานการตรวจสอบเป็นประจำกับการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมตามลักษณะงาน เพื่อรักษาคุณสมบัติด้าน protection, durability และ comfort ของ PPE ตลอดเวลา